เรื่องย่อ X-Men Dark Phoenix (2019) เอ็กเม็น ดาร์ก ฟีนิกซ์
ถ้านับจากปี 2000 นี่ก็ล่วงมากว่า 19 ปีแล้วกับการเดินทางของภาพยนตร์แฟรนไชส์ X-Men ที่เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เมื่อ จีน เกรย์ กลายเป็นผู้มีพลังสูงสุดในจักรวาล จุดสูงสุดของตำนานซูเปอร์ฮีโร่ของแฟรนไชส์นี้ หลังจากที่ Xmen Dark Phoenix เลื่อนฉายมาหลายครั้ง
เพราะต้องถ่ายซ่อมกับฉากจบที่ดันไปคล้ายกับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่หญิงค่ายเดียวกันที่เข้าฉายไปก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็ถึงเวลาอันสมควรที่ตัวละครฟีนิกซ์ในร่างมืดจะแจ้งเกิดในโรงภาพยนตร์ โดยได้ ไซมอน คินเบิร์ก ที่ทำงานเขียนบทและอำนวยการสร้างภาพยนตร์มากมายมาลงมือกำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรก
โดยไซมอนได้หยิบเอาเรื่องราวจากคอมิก X-Men ในตอน The Dark Phoenix Saga ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1980 มาพัฒนาให้กลายเป็นฉบับภาพยนตร์ โดยปรับเนื้อหาขึ้นใหม่เพื่อรีเซตภาคเก่าๆ ทิ้งไป ซึ่งแน่นอนว่าแฟนๆ คอมิกจะได้พบกับสิ่งน่าตื่นเต้นมากกว่าที่เคยอ่านมา ระหว่างการเดินทางผ่านดวงดาวก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นจนทำให้ จีน เกรย์ (รับบทโดย โซฟี เทอร์เนอร์) ได้พบเจอกับพลังของฟีนิกซ์
ก่อนที่เธอจะฟื้นขึ้นมากลายเป็น ‘ร่างโฮสต์’ ให้ฟีนิกซ์ ซึ่งมอบพลังมหาศาลที่อยู่เหนือการควบคุมให้กับเธอ นำมาสู่โศกนาฏกรรมความแตกแยกครั้งใหญ่ขึ้นมาในกลุ่ม X-Men “สิ่งที่เกิดขึ้นกับจีนตอนที่เธอกลับมาจากอวกาศคือเธอมีพลังในตัวจนควบคุมไม่ได้ และทุกอย่างในตัวจีนมันเพิ่มขึ้นมากจนปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงของเธอออกมา
มันมีทั้งพลัง ความรู้สึก ความแค้น และกิเลส จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ในชีวิตจริงคือคนที่พวกเขารักและรู้สึกอยากช่วยเขา ซึ่งบางครั้งเราก็ฉุดช่วยพวกเขาอย่างเต็มที่ และก็มีบางคนที่หมดหวังในตัวพวกเขา ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งคำถามเรื่องนั้นขึ้นมาว่าเราจะยอมปล่อยและหมดหวังในตัวคนที่เรารักเมื่อไร” ไซมอนเล่าถึงประเด็นสำคัญของ X-Men: Dark Phoenix